เพิ่มกำไรให้กับร้านอาหารด้วย 5 เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลที่ร้านอาหารควรต้องมี

วันนี้ทางเราขอแนะนำเทคโนโลยียุคใหม่สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ตัวช่วยที่ผู้ประกอบการควรมีติดร้านใช้งานง่าย สะดวกสบาย และได้ใจผู้บริโภค วันนี้เขียนมายาวหน่อย แต่นำไปใช้ได้จริงแน่นอน

ในยุคที่การแข่งขันสูง ร้านอาหารเปิดใหม่มีขึ้นทุกวัน ใครที่คิดจะเปิดร้านอาหาร หรือกำลังดำเนินธุรกิจประเภทนี้อยู่ เท่ากับว่าคุณกำลังอยู่ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือด ดังนั้นการที่จะบริหารร้านอาหารให้ลูกค้าติดใจ ยอดขายปังในยุคดิจิทัลนี้ แค่อาหารอร่อย และการบริการที่ดีเยี่ยมคงไม่พออีกต่อไป... เพื่อไม่ให้ร้านอาหารของเราถูก Disrupt ในโลกยุคดิจิทัลใหม่นี้ ผู้ประกอบการจึงควรนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในร้าน อย่างระบบจัดการร้านอาหารและร้านกาแฟ เพราะนอกจากจะช่วยให้การบริหารจัดการร้านเป็นระบบแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้บริโภค ซึ่งสามารถดึงดูดใจลูกค้าให้เลือกร้านของเราเป็นอันดับแรกๆ ได้ด้วย

1. Self-Service สั่งอาหารผ่านหน้าจอมือถือ ระบบจัดการร้านอาหาร แบบ Self-service ช่วยลดปัญหาลูกค้าแออัด ยืนรอคิวสั่งอาหารหน้าเคาท์เตอร์ได้ดี ทันทีที่ลูกค้าก้าวเข้ามาในร้าน ให้พนักงานเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ และมอบ “แท็บเล็ต” เพื่อให้ลูกค้าเลือกเมนูและออเดอร์ผ่านหน้าจอด้วยตัวเอง หรือตั้ง “ป้าย QR Code” ไว้ทุกโต๊ะ และให้ลูกค้าสแกนผ่านสมาร์ทโฟนของตัวเอง เพื่อออเดอร์ก็ได้เช่นกัน เมื่อลูกค้าสั่งอาหารจากหน้าจอเรียบร้อยแล้ว เมนูจะไปปรากฏบนจอในครัวหรือในเคาท์เตอร์บาร์ทันที เทคโนโลยียุคใหม่ในยุคดิจิทัลนี้ ช่วยลดหน้าที่ของพนักงาน ช่วยลดความผิดพลาดในการจดออเดอร์ และยังเป็นการมอบความสบายใจให้ลูกค้า ได้มีเวลาเลือกเมนูที่อยากกิน ไม่ต้องเร่งรีบสั่งเพราะเกรงใจพนักงานที่ยืนคอยด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้เลย ทั้งนี้การเรียกพนักงาน หรือเรียกชำระเงินยังสามารถกดเรียกผ่านหน้าจอได้เช่นกัน ถือว่า ครบ จบ ในไอเท็มเดียว

2. เปลี่ยนจากกระดาษคิว เป็นเครื่องเรียกคิวไร้สาย เมื่อไปสั่งกาแฟที่คาเฟ่ เรามักจะได้กระดาษมา 2 ใบ นั่นคือ ใบเสร็จ และ ใบคิว เจ้าตัวปัญหาคือ ใบคิวในรูปแบบกระดาษนี่แหละ ที่ลูกค้าหลายๆ คนชอบทำหาย เผลอทิ้งไปกับใบเสร็จ แนะนำใช้ระบบจัดการร้านอาหารแบบ “เครื่องเรียกคิวไร้สาย” นวัตกรรมและเทคโนโลยียุคใหม่ในยุคดิจิทัลที่คิดมาเพื่อลดปัญหาใบคิวสูญหาย พนักงานตะโกนเรียกคิวและลูกค้าไม่ได้ยิน และช่วยลดจำนวนการจ้างพนักงานได้ด้วย เมื่อลูกค้ามาสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ ให้พนักงานมอบใบเสร็จ พร้อมเครื่องเรียกคิวไร้สายให้ลูกค้า ทันทีที่พนักงานเตรียมเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อย เจ้าเครื่องเรียกคิวไร้สาย จะสั่นและมีไฟกะพริบ ลูกค้าก็สามารถลุกจากที่นั่งไปรับเครื่องดื่มแก้วโปรดที่หน้าเคาท์เตอร์ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลายืนรอหน้าเคาท์เตอร์อีกด้วย

3. ลงทุนกับระบบขายหน้าร้าน (Point of Sale) ในยุคดิจิทัลแบบนี้ ระบบขายหน้าร้าน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ระบบ POS คือระบบจัดการร้านอาหารด้วยคอมพิวเตอร์และโปรแกรม ที่จะช่วยให้ธุรกิจราบรื่นขึ้น ข้อดีของระบบ POS มีมากมาย เช่น … " ประหยัดเวลา " เพราะกดรับออเดอร์และคิดเงินได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินลงไปในโปรแกรมได้ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ลูกค้า ตรวจสอบยอดขายได้ และป้องกันการทุจริต เช็กยอดขาย ในแต่ละวันได้แบบ real-time โดยผู้ประกอบการสามารถเห็นข้อมูลว่าอะไรขายดี ไม่ดี เพื่อวางแผนการขายหรือจัดโปรโมชันต่อไป และไม่ต้องนั่งคำนวณย้อนหลังด้วยตัวเอง ให้บริการลูกค้าสมาชิกได้ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบ CRM หรือระบบสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้ม เช็กแต้มปัจจุบันของลูกค้า หรือกดแลกรับส่วนลดให้ลูกค้าได้ทันที เป็นต้น ซึ่งระบบจัดการร้านอาหาร POS ถือเป็นระบบที่คุ้มค่าแก่การลงทุน โดยสามารถเลือกอุปกรณ์และโปรแกรมตามขนาดของธุรกิจได้ บอกเลยว่ามีไว้ติดร้าน จะช่วยให้ผู้ประกอบการ บริหารร้านได้ง่ายและราบรื่นขึ้น อีกทั้งสามารถนำข้อมูลจากระบบ POS มาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงทั้งในเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ และการให้บริการได้ด้วย

4. เข้าร่วมกับ “Food Aggregator” บริการส่งถึงหน้าบ้าน สะดวกสบาย รวดเร็วทันใจ “Food Aggregator” คือ คนที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม กับ ผู้บริโภค ในยุคดิจิทัลที่ความสะดวกสบายง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส โดยลูกค้าสามารถกดสั่งออเดอร์ร้านเราผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้น Food Aggregator จะมีคนรับ-ส่งอาหาร มารับขนมและเครื่องดื่มจากที่ร้าน และไปส่งยังสถานที่ของลูกค้า ในเมืองไทยเองก็มี Food Aggregator อยู่มากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ร้านเราก็ควรเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับหลายๆ เจ้า ไม่ว่าจะเป็น LINEMAN Grab Food, Food panda และ Robinhood เป็นต้น นอกจากบริการนี้ จะตอบโจทย์ลูกค้าขาประจำแล้ว ยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้ด้วย เช่น กลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงกับร้านของเรา หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการลองสั่งร้านใหม่ๆ ร้านเราก็อาจมีโอกาสเป็นหนึ่งในตัวเลือก โดยเคล็ดลับคือ อย่าลืมถ่ายภาพเมนูขนมและเครื่องดื่มให้สวยงาม นำเสนอเมนูที่แปลกใหม่ และจัดโปรโมชันบ่อยๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากดสั่งออเดอร์จากร้านเรานั่นเอง อีกทั้งเคล็ดลับที่จะมัดใจลูกค้าเดลิเวอรีได้นั้น ผู้ประกอบการควรควบคุมคุณภาพของสินค้าให้ดี เพราะ กว่าที่เครื่องดื่มและขนมจะถูกส่งถึงมือลูกค้านั้น ทั้งระยะทาง ระยะเวลา และอุณหภูมิ อาจทำให้รสชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งเรื่องของบรรจุภัณฑ์ก็สำคัญ แนะนำเลือกใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เช่น กล่องขนมจากชานอ้อย ถ้วยกระดาษจากใยกล้วย หลอดดูดน้ำจากไม้ไผ่ และถุงกระดาษ เป็นต้น เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์คาเฟ่ใส่ใจโลก เอาใจผู้บริโภคสายกรีน

5. ตอบรับยุค Cashless Society ด้วยระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส เพราะยุคดิจิทัลนี้ผู้คนพกเงินสดน้อยลง และหันไปใช้ e-Payment กันมากขึ้น นอกเหนือจากการชำระค่าอาหารด้วยเงินสดแล้ว อย่าลืมเตรียมช่องทางการชำระเงินให้หลากหลายไว้รองรับความต้องการและอำนวยความสะดวกของลูกค้า ด้วย เช่น ชำระด้วยบัตรเดบิต บัตรเครดิต ระบบโอนเงิน ระบบจ่ายด้วยการสแกน QR Code หรือจ่ายผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นต้น